E-business
infrastructure
หมายถึง การรวมกันของฮาร์ดแวร์เช่น Server,
Client PC ในองค์กรรวมถึงการใช้เครือข่ายในการเชื่อมโยงฮาร์ดแวร์เหล่านี้และการใช้งานซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการส่งมอบบริการให้กับผู้ใช้งานที่อยู่ในบริษัทและยังรวมถึงคู่ค้าและลูกค้าของตน ซึ่งคำว่า Infrastructure
ยังรวมไปถึงสถาปัตยกรรมทางด้านHardware , Software และ เครือข่าย
ที่มีอยู่ในบริษัทด้วย และท้ายที่สุด ยังรวมไปถึงกระบวนการในการนำเข้าข้อมูลและเอกสารเข้าสู่ระบบE-business ด้วย
ส่วนประกอบของ E-business
infrastructure components
อินทราเน็ตถูกใช้อย่างกว้างขวางเพื่อรองรับการขายในด้านธุรกิจ
e
- commerce โดยเน้นทำงานจากฝ่ายการตลาดเป็นหลัก
ซึ่งจะช่วยสนับสนุนกิจกรรมหลักของ supply-chain management เอ็กซ์ทราเน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลโดยควบคุมจากภายนอกองค์กร
สำหรับธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง
อินทราเน็ตถูกใช้อย่างกว้างขวางเพื่อรองรับการขายในด้านธุรกิจ e - commerce
โดยเน้นทำงานจากฝ่ายการตลาดเป็นหลัก
ซึ่งจะช่วยสนับสนุนกิจกรรมหลักของ supply-chain management
คำว่า
World
Wide Web, หรือเรียกสั้นๆว่า
‘web’ คือขั้นตอนมาตรฐานในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อมูลสาธารณะบนโลกอินเทอร์เน็ต
โดยรูปแบบเอกสารพื้นฐานคือ HTML (Hypertext Markup Language) หรือ
การบริการหนึ่งในรูปแบบต่างๆของการให้บริการของอินเตอร์เน็ต
สำหรับผู้พัฒนาเว็บ หรือผู้ที่ต้องการเขียนโปรแกรมเพื่อติดต่อสื่อสารผ่านเว็บ
Internet technology ช่วยให้การสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์หลายล้านเครื่องที่เชื่อมต่อทั่วโลก
แต่ในการถ่ายโอนข้อมูลนั้นไร้รอยต่อของวิธีการเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
การร้องขอข้อมูลจะถูกส่งจากคอมพิวเตอร์ไคลเอนต์และอุปกรณ์มือถือที่มีผู้ใช้ร้องขอการบริการให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ที่เก็บข้อมูลโปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจและโฮสต์ที่ส่งมอบการบริการในการตอบสนองต่อการร้องขอ
ดังนั้นอินเทอร์เน็ตจึงเป็นระบบเขนาดใหญ่ในรูปแบบ Client / Server
Intranet applications อินทราเน็ตถูกใช้อย่างกว้างขวางเพื่อรองรับการขายในด้านธุรกิจ e - commerce โดยเน้นทำงานจากฝ่ายการตลาดเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนกิจกรรมหลักของ supply-chain management
Extranet applications เอ็กซ์ทราเน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลโดยควบคุมจากภายนอกองค์กร
สำหรับธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง
อินเทอร์เน็ต หมายถึง ลักษณะของการเชื่อมต่อของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งเล็กและใหญ่จำนวนมากเข้าด้วยกัน โดยมีข้อกำหนดว่าทุกเครือข่ายที่เชื่อมต่อถึงกัน จะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานของการเชื่อมต่อ(โปรโตคอล) ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานบนเครือข่ายแบบนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเรียกว่า TCP/IP
-Mozilla Firefox
-Google Chrome
-Safari
อินเทอร์เน็ต หมายถึง ลักษณะของการเชื่อมต่อของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งเล็กและใหญ่จำนวนมากเข้าด้วยกัน โดยมีข้อกำหนดว่าทุกเครือข่ายที่เชื่อมต่อถึงกัน จะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานของการเชื่อมต่อ(โปรโตคอล) ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานบนเครือข่ายแบบนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเรียกว่า TCP/IP
การใช้งานอินเทอร์เน็ต การใช้บริการเว็บจะทำงานภายใต้ โปรโตคอล HTTP โดยโปรโตคอลจะเป็นตัวกำหนดวิธีการส่งข้อมูลหรือไฟล์
ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็น Client และ Server รวมถึงการกำหนด กฏระเบียบในการติดต่อด้วย เราจะใช้โปรแกรมประเภท Browser
เป็นตัวช่วยในการติดต่อสื่อสาร
เว็บเบราว์เซอร์ (web
browser) เบราว์เซอร์ หรือ โปรแกรมดูเว็บ
คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเวบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ
เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล (html)
เช่น
-Internet Exlorer -Mozilla Firefox
-Google Chrome
-Safari
เว็บเซิร์ฟเวอร์ (Web
Server) คือ
เครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งให้บริการที่เก็บเว็บไซต์ (Server) แล้วให้ผู้ใช้
(Client) เรียกชมหน้าเว็บไซต์ได้โดยใช้โพรโทคอล HTTP ผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์
browser compatibility การตรวจสอบเว็บไชต์สามารถรองรับกับการเข้าชมเว็บไซต์ผ่าน
Browser ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซี่งเมื่อนักพัฒนาโปรแกรมพัฒนาเว็บไซต์ขึ้นมาแล้วต้องคำนึงถึง เว็บไชต์นั้นๆ
สามารถใช้งานผ่าน browser ต่างๆได้หรือไม่
ซึ่งในปัจจุบันมีโปรแกรมช่วยทดสอบ ในเรื่องของ browser compatibility
Internet-access software applications
-Evolution
Web 1.0,Web 2.0 to Web 3.0
Web 1.0 = Read
Only, StaticData with simple markup
Web 1.0
ผู้เข้าชมสามารถอ่านได้อย่างเดียว (Read-only ) เป็นเทคโนโลยีที่สามารถที่สามารถแก้ไขข้อมูลหน้าตาของเว็บไซต์ได้เฉพาะผู้ดูแลเว็บไซต์
( Web master ) เท่านั้น
Web 2.0
คือ ผู้เข้าชมสามารถอ่านและเขียนได้( Read-Write ) เป็นเทคโนโเว็บไซต์ที่พัฒนาต่อจาก web1.0 เป็น
เทคโนโลยีเว็บไซต์ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้ เช่นเว็บบอร์ด เว็บบล็อก
วิพีเดีย เป็นต้น
Web 3.0 =Read/Write/Relate,
Data with structured Metadata + managed identity
Web 3.0
เป็นการนำแนวคิดของ Web 2.0 มาทำให้ Web
นั้นสามารถจัดการข้อมูลจำนวนมากๆให้อยู่ในรูปแบบ Metadata ที่หมายถึงข้อมูลที่บอกรายละเอียดของข้อมูล(Data about data) ทำให้เว็บกลายเป็น Semantic Web คือ ตัว Web จะทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นแล้วให้ Tags
ตามความเหมาะสมให้เราแทน โดยข้อมูลแต่ละ Tagจะมีความสัมพันธ์กับอีก
Tag หนึ่งโดยปริยายทำให้อินเตอร์เน็ตกลายเป็นฐานข้อมูล
ความรู้ขนาดใหญ่ที่ข้อมูลทุกอย่างถูกเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น